ทำไมนักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับ FED?

ก่อนอื่นเลยทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า The Federal Reserve หรือ FED ซึ่งสองคำนี้คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีหน้าที่คล้าย ๆ กับธนาคารแห่งชาติของประเทศไทยนั่นแหละครับ และทุกคนคงสังเกตเห็นครับว่านักลงทุนส่วนใหญ่ ต่างให้ความสำคัญกับประกาศของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มาก เนื่องจากเมื่อมีประกาศออกมาทุกครั้งนโยบายที่ประกาศออกมาต้องส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น หรือคริปโตฯ เป็นต้น วันนี้พี่โบ้จึงอยากพาทุกคนมาหาเหตุผลกันครับว่าทำไม FED ถึงมีความสำคัญกับนักลงทุน?

ทำความรู้จักกับ The Federal Reserve หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ

The Federal Reserve หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ คือองค์กรที่รวบรวมธนาคารกลาง 12 แห่งภายในสหรัฐฯ โดยมีหน้าที่ในการกำหนดจัดตั้งนโยบายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากกับการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยครับ

ทำไมนักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับ FED ?

🚀 สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก เรียกได้ว่า การค้า การนำเข้า การส่งออก ตลาดการเงิน ตลาดการลงทุนของทุกประเทศทั่วโลกล้วนเกี่ยวโยงกับสหรัฐฯ รวมถึงประเทศไทยด้วย อีกทั้งยังมีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาล จึงส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ได้ไม่ยาก ดังนั้น แค่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเบา ๆ ว่า จะปรับขึ้น หรือปรับลงดอกเบี้ยเพียง 0.01% ตลาดเงินทั่วโลกก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนแล้ว

เราสามมารถสังเกตได้จากช่วงที่เกิดการระบาดของ Covid-19 เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ค่อนข้างฝืดธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงพิจารณา ปรับดอกเบี้ยลง เพื่อให้ลดแรงจูงใจในการฝากเงิน ให้ประชาชนนำเงินไปซื้อสินทรัพย์เพื่อการลงทุนดีกว่า อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ จากอัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้ขายสินค้าในราคาที่ถูกลง จึงเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าเรามองในฐานะผู้บริโภค แน่นอนว่าต้องพอใจอย่างมาก แต่สำหรับนักลงทุน ‘อัตราดอกเบี้ยต่ำ = ผลตอบแทนต่ำนั่นเอง’ จึงทำให้นักลงทุนมองหาตลาดการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น นั่นคือการลงทุนในต่างประเทศ ที่เราเคยได้ยินกันว่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาตินั่นเอง

เเละเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ หรือ Fund Flow ส่วนหนึ่งก็ไหลมาลงทุนในประเทศไทย โดยตลาดลงทุนของไทยหลักๆ จะมีอยู่แค่ 2 ตลาดใหญ่ คือ ตลาดพันธบัตร สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมาก และตลาดหุ้น สำหรับนักลงทุนที่ชอบความตื่นเต้น ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่า เม็ดเงินของสหรัฐฯ นั้นมหาศาล พอเคลื่อนเข้ามาสู่ตลาดลงทุนในประเทศไทย ก็สามารถส่งผลต่อตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นของไทยได้ครับ

ในทางตรงกันข้าม หาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเกิดเงินเฟ้อ หรือเศรษฐกิจร้อนเเรงจนเกินไป จนอาจทำให้เกิดฟองสบู่ ก็มีโอกาสที่เงินลงทุนต่างชาติ จะไหลกลับบ้านเกิดสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุนไทย รวมถึงตลาดลงทุนหลายๆ ประเทศทั่วโลกแน่นอน

สำหรับเศรษฐกิจที่พอจะสู้กับสหรัฐฯ ได้ และสามารถต้านแรงเสียดทานจากประกาศของ FED ได้ คือ เศรษฐกิจของจีน เพราะจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จีนมีแนวคิดที่ว่า จีนทำ จีนใช้ และจีนเจริญ ดังนั้นประเทศจีนจึงไม่เเคร์ประเทศอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจของตนเองก็ค่อนข้างดีพอตัว เเละตลาดหุ้นจีนเองก็ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ เเละมีวี่เเววว่าอาจมีโอกาสกลายเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย

จากที่พี่โบ้ได้กล่าวมาข้างต้น เห็นได้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยการประกาศนโยบายหลังการประชุมทุกครั้ง มีผลกระทบกับนักลงทุนที่ต้องเผชิญกับมูลค่าสินทรัพย์ที่มีความผันผวน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นหรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายอย่าง Cryptocurrency ดังนั้น นักลงทุนอย่างเราควรติดตามการประกาศนโยบายการเงินแต่ละครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีทั้งผลดีและผลเสียต่อสินทรัพย์ที่เราทำการลงทุนครับ

ดังนั้น การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้ครับ จากพี่โบ้… ✅


Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker