ช่วงนี้ทั้งค่าเงินดอลลาร์ และทองคำ มีความผันผวนเป็นอย่างมาก อีกทั้งข่าวเกี่ยวกับมาตราการต่างๆของทางสหรัฐอมริกา และมาตราการที่สำคัญ คือ QE ที่หลายคนไม่อาจมองข้ามได้นั้นเอง

เรามาเริ่มต้นดูกันดีกว่าครับว่าทั้ง 3 ตัวนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ? เริ่มต้นจากผลตอบแทนของทองคำ…

        เริ่มต้นด้วยราคาทองคำกันก่อนเลย ตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมาได้สร้างผลตอบแทนที่ -6% (รายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 ) ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ผลตอนแทนลดลงคือ ” ค่าเงินดอลลาร์ “

แล้วทำไมค่าเงินดอลลาร์จึงมีผลกับผลตอบแทนทองคำที่ลดต่ำลง ?

      เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยออกมา กลับเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยยะ จึงทำให้ตลาดมองว่าอาจจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างการกดดอกเบี้ยที่ต่ำจะถูกยกเลิกเร็วกว่ากำหนดและการทำ QE เป็นต้น 

ทำไมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องทำ QE ?

      ต้องบอกว่าก่อนว่าการทำ QE ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงกฤตซับไพร์ม สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาทองคำมีขาขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานถึง 3 ปี และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 180% นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 จนแตะระดับสูงสุดในช่วงเดือนมกราคม 2555 ที่ระดับ 1,925 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก แต่หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ทำการถอนมาตราการ QE ออกจากระบบจึงทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่่วงตลอดเกือบ 5 ปี และได้ลดต่ำลงจนถึงจุด 45% นั้นเอง 

แล้วโควิด-19 มีผลต่อราคาทองคำโดยตรงหรือไม่ ?

        จากโรคระบาดโควิด-19 ได้มีการระบาดอย่างหนัก จึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องด้ายการทำมาตราการ QE อีกครั้ง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไป 42% ทำให้เกิดเหตุการณ์ BLACK THURSDAY นั้นเอง โดยการเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดนิวไฮที่สูงที่สุดอยู่ที่ 2,081 ดอลลาร์นั้นเอง แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานราคาทองคำ ก็ได้ปรับตัวเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ก็ลดต่ำลงมาแล้วกว่า 20% 

มาตราการ QE มีผลอย่างไรกับทองคำและดอลลาร์ ?

        จากการที่ครั้งนั้นธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่ได้จำกัดวงเงินในการทำ QE เนื่องจากว่าอาจจะเห็นว่าถ้ากำหนดวงเงินเหมือนรอบที่ผ่านมา อาจจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐอมเริการะยะยาว โดยเฉพาะงบดุลของรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกานั้นเอง นี้จึงส่งผลให้ DOLLAR INDEX ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้นักลงทุนหลายคนมองว่าทองคำเป็น SAFE HAVEN จากการป้องกันสภาวะเงินเฟ้อที่ถูกลดลงและถูกเทขาย นี้จึงแสดงให้เห็นว่าความสัพันธ์ระหว่างค่าเงินดอลลาร์และทองคำมีทิศทางที่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจนนั้นเอง

       นอกเหนือจากมาตราการ QE ที่น่าติดตามแล้ว ยังมีการประชุมประจำปีของ FED ที่เมืองแจ๊กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในช่วงระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2564 ที่น่าติดตามกันต่อไปว่าจะมีนโยบายอย่างไร และจะส่งผลอย่างไรกับเศรฐฏิจในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและตลาดโลกนั้นเอง ถ้าชอบบทความการลงทุนแบบนี้ ฝากกด LIKE กด SHARE ให้กำลังใจกับพี่โบ้ tradeเด้อ ด้วยนะครับ สำหรับวันนี้พี่โบ้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ